คนยุคใหม่ มักจะคิดว่าการทำให้ร่างกายแข็งแรงนั้นส่วนสำคัญที่สุดคือการออกกำลังกาย เพราะถ้ามีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ สุขภาพดี ไม่เจ็บป่วยใดๆ แต่นั้นไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้องทั้งหมด เพราะแท้จริงแล้วคนเราจะแข็งแรงได้นั้นมีอยู่ปัจจัย มากไปกว่าการออกกำลังกายก็คือ การกิน นั่นเอง
การกินอาหารมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ใครสักคนสุขภาพดีหรือเจ็บป่วย เพราะอาหารเปรียบเสมือนสิ่งที่บำรุงร่างกายของเรา ถ้าส่งของดีๆ ไปอย่างพอเหมาะ ก็จะทำให้ร่างกายของเราเกิดความสมดุล แต่หากส่งของไม่ดีเข้าไป หรือส่งเข้าผิดที่ผิดเวลา ก็รังแต่จะทำให้เกิดโทษเสียมากกว่า ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการกินอาหารนั้นเกิดขึ้นอยู่เสมอ ลำพังเพียงแค่การดื่มน้ำให้ถูกต้อง ก็ไม่ค่อยจะมีใครนึกถึงหรือบางคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ
แพทย์แผนจีนให้ความสำคัญกับการกินอาหารมาก หลังการจัดยาสมุนไพรจีนให้ผู้ป่วยแล้ว สิ่งหนึ่งที่แพทย์แผนจีนมักจะกำชับอยู่เสมอ คือการให้ผู้ป่วยควบคุมอาหาร กินแต่อาหารที่มีประโยชน์ และ กินอาหารที่เหมาะสมกับจังหวะในแต่ละช่วงเวลาในการทำงานของอวัยวะภายในแต่ละระบบ
ต่อไปนี้คือความเข้าใจผิดหรือสิ่งที่ไม่ค่อยมีใครบอกคุณอย่างแน่นอน
เรื่องเข้าใจผิดที่ 1 : น้ำเปล่าเป็นของดี จะดื่มอย่างไรก็ได้
การดื่มน้ำให้พอเหมาะถือเป็นเรื่องดี แต่ไม่ใช่ว่าจะดื่มอย่างไรก็ได้...
เมื่อกินข้าวเสร็จ ควรดื่มน้ำเปล่าที่มีอุณภูมิห้อง ไม่แนะนำให้ดื่มน้ำเย็นหรืออาหารหวานตาม เนื่องจากเมื่อเรากินข้าวเข้าไปแล้ว ตับ ม้าม และกระเพาะอาหารของเรา ซึ่งทำหน้าที่ในการสร้างระบบย่อยอาหารนั้นต้องการ "ความร้อน" เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการย่อยอาหารให้ดียิ่งขึ้น หากเรากินอาหารหรือดื่มน้ำเย็นเข้าไปจะทำให้ร่างกายไม่มีความร้อนมากพอที่จะย่อยอาหารที่พึ่งรับประทานเข้าไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และจะทำให้เกิดอาการท้องอืด ไขมันจับตัวเป็นก้อน ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดี หากต้องการกินของหวาน เราควรกินอาหารหลังจากอาหารมื้อหลักประมาณ 2 ชม.
น้ำดื่มที่ดีที่สุดคือน้ำอุ่น หรือชาจีนอุ่น เพราะจะสามารถช่วยละลายไขมันได้ดี
เรื่องเข้าใจผิดที่ 2 : อาหารที่มีประโยชน์มีประโยชน์สำหรับทุกคน
หลักการกินอาหารโดยเน้นไปยังปริมาณที่เหมาะสม ควรกิน อาหารที่ผ่านการอุ่นร้อน ลดอาหารหวาน มัน ทอด รสจัด และ ควรค่อยๆทานอาหาร อย่ารีบกลืน เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักจนเกินไป... วิธีเหล่านี้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง
แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนควรจะรับประทานอาหารได้ทุกรสชาติแบบเดียวกัน เพราะการกินอาหารแต่ละรสชาติ ส่งผลต่อการทำงานภายในร่างกายของเรา เราจึงควรกินอาหารที่มีรสชาติเหมาะกับร่างกายของเรา เพื่อช่วยในการปรับสมดุลภายในร่างกายให้เหมาะสมอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น
อาหารรสเผ็ด ช่วยในการหมุนเวียนเลือดลม ขจัดความเย็นช่วยให้เจริญอาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการหวัด น้ำมูกไหล มีความเย็นกระทบ แต่ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม หากกินมากเกินไปจะมีผลต่อตับ
อาหารรสหวาน ช่วยบำรุงร่างกาย ลดอาการปวดเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะม้ามบกพร่อง กระเพาะอาหารดูดซึมได้ไม่ดี ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม หากกินมากเกินไปจะทำให้ท้องอืด และมีผลต่ไต
อาหารรสเปรี้ยว มีฤทธิ์ช่วยระงับการหลั่ง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะน้ำกามเคลื่อน ไอเรื้อรัง ปัสสาวะบ่อย มีเลือดน้อย แต่หากกินมาเกินไปจะทำให้มีผลต่อกระดูก เอ็น และฟัน
อาหารรสขม ช่วยระบายไฟร้อน ขจัดความชื้น เหมาะสำหรับผู้ที่นอนไม่หลับ ร้อนใน เป็นสิว ผด ผื่นจากความร้อน หากกินมากเกินไปจะทำให้ปวดท้อง และส่งผลกระทต่อปอด
อาหารรสเค็ม ช่วยในการขับถ่าย สลายก้อนแข็ง ทำให้ตุ่มนูนนิ่มลง เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูก ร้อนใน เหงื่อออกตามมือและเท้า หากกินมากเกินไปจะส่งผลกระทบต่อระบบประสาท และทำให้เกิดโรคไตได้
สิ่งเหล่านี้คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดื่มและกินเพื่อทำให้ร่างกาย เข้าสู่จุดสมดุล ไม่ว่าจะป่วยไข้มารักษา หรือหายจากอาการป่วยแล้ว การปรับแต่งดังกล่าวจะทำให้ร่างกายแข็งแรงอย่างยาวนาน